เปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ ที่บ้าน เป็นขั้นตอนที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันการติดเชื้อและความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น หากคุณจำเป็นต้องทำเองที่บ้าน ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือพยาบาลก่อนเสมอ และปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ดังนี้:
ขั้นตอนการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะที่บ้าน
- เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น:
- สายสวนปัสสาวะที่มีขนาดเหมาะสมตามที่แพทย์แนะนำ
- ถุงปัสสาวะ (สำหรับเก็บปัสสาวะ)
- ถุงมือปลอดเชื้อ
- สำลีชุบแอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อ
- น้ำเกลือปลอดเชื้อ (Normal Saline)
- เจลหล่อลื่นที่ปราศจากเชื้อ
- ภาชนะสำหรับทิ้งของเสีย
- ล้างมือให้สะอาด:
- ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที และเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาด หรือใช้แอลกอฮอล์เจล
- เตรียมผู้ป่วยให้อยู่ในท่าที่เหมาะสม:
- ให้ผู้ป่วยนอนราบหรือในท่าที่สบาย และเปิดส่วนที่จะทำการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ
- ถอดสายสวนปัสสาวะเก่าออก:
- สวมถุงมือปลอดเชื้อและใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบๆ จุดเชื่อมต่อระหว่างสายสวนกับร่างกาย จากนั้นค่อยๆ ดึงสายเก่าออกอย่างเบามือ
- ทำความสะอาดก่อนใส่สายใหม่:
- ใช้น้ำเกลือปลอดเชื้อทำความสะอาดบริเวณจุดใส่สายใหม่ จากนั้นเช็ดด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์
- ใส่สายสวนปัสสาวะใหม่:
- ทาเจลหล่อลื่นที่ปลายสายสวนใหม่ จากนั้นค่อยๆ ใส่สายสวนใหม่เข้าไปอย่างระมัดระวังตามแนวทางที่แพทย์สอนจนกระทั่งถึงจุดที่เหมาะสม
- เชื่อมต่อสายสวนกับถุงปัสสาวะ:
- เชื่อมต่อปลายสายสวนเข้ากับถุงปัสสาวะให้แน่นหนาเพื่อป้องกันการหลุดหรือรั่วซึม
- ทิ้งของเสียอย่างถูกต้อง:
- ทิ้งสายเก่าและวัสดุที่ใช้แล้วในถุงขยะติดเชื้อ และล้างมือให้สะอาดหลังจากทำเสร็จ
ข้อควรระวัง
- ตรวจสอบว่าสายสวนใหม่เข้าไปในตำแหน่งที่ถูกต้องและไม่มีอาการเจ็บหรืออาการผิดปกติ
- สังเกตความสะอาดของบริเวณสายสวนและถุงปัสสาวะเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หากมีอาการผิดปกติ เช่น ปวดมาก มีเลือดปนในปัสสาวะ หรือมีไข้ ควรติดต่อแพทย์ทันที
การเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะเองที่บ้านควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือพยาบาลเสมอ เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย